เครื่องมือช่างชุดเดียวกัน แต่พฤติกรรมการใช้งานไม่เคยเหมือนกัน
ในปัจจุบัน เครื่องมือช่างถือเป็นสินค้าที่มีการผลิตและจัดจำหน่ายในลักษณะที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสว่านไฟฟ้า เลื่อยวงเดือน หรือเครื่องเจียร์ขนาดพกพา เราอาจพบว่าผลิตภัณฑ์หลายรุ่นมีรูปลักษณ์และฟังก์ชันที่เหมือนกันแทบทุกประการ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้ว จะพบความแตกต่างที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
แม้เครื่องมือช่างจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ “พฤติกรรมการใช้งาน” และ “เหตุผลในการเลือกซื้อ” ของผู้ใช้ในแต่ละประเทศกลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย เช่น เครื่องมือบางรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐอเมริกาและยุโรป กลับไม่สามารถสร้างยอดขายที่เทียบเท่าได้ในประเทศไทย
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า “วัฒนธรรมการใช้เครื่องมือช่าง” มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางตลาดมากกว่าที่หลายคนคาดคิด
เครื่องมือช่าง = สัญลักษณ์แห่งไลฟ์สไตล์และความภาคภูมิใจ
ในประเทศตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มประเทศยุโรป การมีเครื่องมือช่างติดบ้านถือเป็นเรื่องปกติที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมการใช้ชีวิต เครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งจำเป็นในเชิงการซ่อมแซม แต่ยังสะท้อนถึงความสามารถในการพึ่งพาตนเอง และสร้างความภาคภูมิใจในฐานะ “เจ้าของบ้าน” อีกด้วย
วัฒนธรรม DIY (Do It Yourself) หรือการลงมือทำเองนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมท่อน้ำ หรือแม้แต่ต่อเติมระเบียงหลังบ้านด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ ตลาดเครื่องมือช่างในต่างประเทศจึงมีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน ได้แก่
- ลูกค้าทั่วไปมีสัดส่วนสูงมาก ไม่จำกัดเฉพาะช่างอาชีพ
- ความต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ, จอแสดงผลดิจิทัล, และการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน
- นิยมซื้อเครื่องมือแบบ “Starter Kit” หรือ “Set” เพื่อความครบถ้วนในการใช้งานระยะยาว
- การใช้งานเครื่องมือไร้สายกลายเป็นมาตรฐาน เพื่อเสริมความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการทำงาน
ข้อมูลจากรายงานการตลาดปี 2022 ระบุว่า ตลาดหัตถกรรมและ DIY ของสหรัฐอเมริกามีมูลค่ากว่า 268.3 พันล้านดอลลาร์ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 9.8% ต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ผู้ใช้ทั่วไป” ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือช่างอย่างแท้จริง
เครื่องมือช่าง = ตัวช่วยเฉพาะสถานการณ์จำเป็น
ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยมีลักษณะวัฒนธรรมการใช้เครื่องมือช่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องมือช่างยังคงถูกมองว่าเป็น “ตัวช่วยเฉพาะกิจ” มากกว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ การซื้อเครื่องมือมักเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาเร่งด่วน เช่น แขวนทีวี ซ่อมประตู หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ซึ่งทำให้เครื่องมือกลายเป็นสินค้าที่มีการซื้อแบบ “จำเป็นต้องใช้” แทนที่จะเป็นการลงทุนระยะยาว
พฤติกรรมของตลาดเครื่องมือช่างในไทยจึงมีลักษณะเฉพาะดังนี้:
- การซื้อเครื่องมือเป็นรายชิ้น ตามปัญหาที่พบ ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
- การให้ความสำคัญกับราคา ความทนทาน และบริการหลังการขาย มากกว่าฟังก์ชันหรือเทคโนโลยีล้ำสมัย
- การพิจารณาความสามารถในการหาอะไหล่และซ่อมบำรุง เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ
- การใช้งานเครื่องมือไร้สายเริ่มขยายตัว แต่ยังพบการใช้เครื่องมือระบบสายไฟควบคู่กันอย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดเครื่องมือช่างในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% โดยมีแรงหนุนสำคัญจากกลุ่มผู้ใช้งานในภาคก่อสร้าง งานติดตั้ง และงานเกษตรกรรม
แม้เครื่องมือช่างจะมีลักษณะเหมือนกันทั่วโลก แต่ “แนวคิดและวิธีการใช้งาน” ของผู้บริโภคในแต่ละประเทศกลับมีความแตกต่างอย่างลึกซึ้ง สำหรับต่างประเทศ เครื่องมือช่างเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน และสะท้อนถึงแนวคิดในการพึ่งพาตนเองและความภาคภูมิใจส่วนตัว ขณะที่ในประเทศไทย เครื่องมือช่างยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนเลือกใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น โดยให้ความสำคัญกับความทนทาน ราคา และบริการหลังการขายเป็นหลัก
และด้วยความเข้าใจในพฤติกรรมที่แตกต่างนี้เอง ทำให้แบรนด์อย่าง OSUKA เลือกวางกลยุทธ์ทางการตลาดโดยเน้นที่ “ความเข้าใจผู้ใช้งาน” แทนที่จะเน้นเฉพาะนวัตกรรมเทคโนโลยี หรือการตามเทรนด์ในตลาดโลก เพราะสำหรับช่างไทยและผู้บริโภคในประเทศ เครื่องมือช่างที่ดี ไม่จำเป็นต้องล้ำสมัยที่สุด แต่ต้อง ไว้ใจได้ ใช้งานได้จริง และคุ้มค่าต่อการลงทุน อย่างแท้จริง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ช่างไทยส่วนใหญ่มองหา คือเครื่องมือที่สามารถ “ไว้ใจได้ ใช้แล้วจบ”