เมื่อเครื่องมือช่างไม่ใช่แค่ของใช้ พาส่อง เทรนด์เครื่องมือช่าง ‘ไทย VS ต่างประเทศ’

เครื่องมือช่างชุดเดียวกัน แต่พฤติกรรมการใช้งานไม่เคยเหมือนกัน

ในปัจจุบัน เครื่องมือช่างถือเป็นสินค้าที่มีการผลิตและจัดจำหน่ายในลักษณะที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสว่านไฟฟ้า เลื่อยวงเดือน หรือเครื่องเจียร์ขนาดพกพา เราอาจพบว่าผลิตภัณฑ์หลายรุ่นมีรูปลักษณ์และฟังก์ชันที่เหมือนกันแทบทุกประการ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้ว จะพบความแตกต่างที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

แม้เครื่องมือช่างจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ “พฤติกรรมการใช้งาน” และ “เหตุผลในการเลือกซื้อ” ของผู้ใช้ในแต่ละประเทศกลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย เช่น เครื่องมือบางรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐอเมริกาและยุโรป กลับไม่สามารถสร้างยอดขายที่เทียบเท่าได้ในประเทศไทย 

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า “วัฒนธรรมการใช้เครื่องมือช่าง” มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางตลาดมากกว่าที่หลายคนคาดคิด

เครื่องมือช่าง = สัญลักษณ์แห่งไลฟ์สไตล์และความภาคภูมิใจ

ในประเทศตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มประเทศยุโรป การมีเครื่องมือช่างติดบ้านถือเป็นเรื่องปกติที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมการใช้ชีวิต เครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งจำเป็นในเชิงการซ่อมแซม แต่ยังสะท้อนถึงความสามารถในการพึ่งพาตนเอง และสร้างความภาคภูมิใจในฐานะ “เจ้าของบ้าน” อีกด้วย

วัฒนธรรม DIY (Do It Yourself) หรือการลงมือทำเองนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมท่อน้ำ หรือแม้แต่ต่อเติมระเบียงหลังบ้านด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ ตลาดเครื่องมือช่างในต่างประเทศจึงมีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน ได้แก่

  • ลูกค้าทั่วไปมีสัดส่วนสูงมาก ไม่จำกัดเฉพาะช่างอาชีพ
  • ความต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ, จอแสดงผลดิจิทัล, และการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน
  • นิยมซื้อเครื่องมือแบบ “Starter Kit” หรือ “Set” เพื่อความครบถ้วนในการใช้งานระยะยาว
  • การใช้งานเครื่องมือไร้สายกลายเป็นมาตรฐาน เพื่อเสริมความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการทำงาน

ข้อมูลจากรายงานการตลาดปี 2022 ระบุว่า ตลาดหัตถกรรมและ DIY ของสหรัฐอเมริกามีมูลค่ากว่า 268.3 พันล้านดอลลาร์ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 9.8% ต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ผู้ใช้ทั่วไป” ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือช่างอย่างแท้จริง

เครื่องมือช่าง = ตัวช่วยเฉพาะสถานการณ์จำเป็น

ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยมีลักษณะวัฒนธรรมการใช้เครื่องมือช่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องมือช่างยังคงถูกมองว่าเป็น “ตัวช่วยเฉพาะกิจ” มากกว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ การซื้อเครื่องมือมักเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาเร่งด่วน เช่น แขวนทีวี ซ่อมประตู หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ซึ่งทำให้เครื่องมือกลายเป็นสินค้าที่มีการซื้อแบบ “จำเป็นต้องใช้” แทนที่จะเป็นการลงทุนระยะยาว

พฤติกรรมของตลาดเครื่องมือช่างในไทยจึงมีลักษณะเฉพาะดังนี้:

  • การซื้อเครื่องมือเป็นรายชิ้น ตามปัญหาที่พบ ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
  • การให้ความสำคัญกับราคา ความทนทาน และบริการหลังการขาย มากกว่าฟังก์ชันหรือเทคโนโลยีล้ำสมัย
  • การพิจารณาความสามารถในการหาอะไหล่และซ่อมบำรุง เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ
  • การใช้งานเครื่องมือไร้สายเริ่มขยายตัว แต่ยังพบการใช้เครื่องมือระบบสายไฟควบคู่กันอย่างแพร่หลาย

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดเครื่องมือช่างในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% โดยมีแรงหนุนสำคัญจากกลุ่มผู้ใช้งานในภาคก่อสร้าง งานติดตั้ง และงานเกษตรกรรม

แม้เครื่องมือช่างจะมีลักษณะเหมือนกันทั่วโลก แต่ “แนวคิดและวิธีการใช้งาน” ของผู้บริโภคในแต่ละประเทศกลับมีความแตกต่างอย่างลึกซึ้ง สำหรับต่างประเทศ เครื่องมือช่างเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน และสะท้อนถึงแนวคิดในการพึ่งพาตนเองและความภาคภูมิใจส่วนตัว ขณะที่ในประเทศไทย เครื่องมือช่างยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนเลือกใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น โดยให้ความสำคัญกับความทนทาน ราคา และบริการหลังการขายเป็นหลัก

และด้วยความเข้าใจในพฤติกรรมที่แตกต่างนี้เอง ทำให้แบรนด์อย่าง OSUKA เลือกวางกลยุทธ์ทางการตลาดโดยเน้นที่ “ความเข้าใจผู้ใช้งาน” แทนที่จะเน้นเฉพาะนวัตกรรมเทคโนโลยี หรือการตามเทรนด์ในตลาดโลก เพราะสำหรับช่างไทยและผู้บริโภคในประเทศ เครื่องมือช่างที่ดี ไม่จำเป็นต้องล้ำสมัยที่สุด แต่ต้อง ไว้ใจได้ ใช้งานได้จริง และคุ้มค่าต่อการลงทุน อย่างแท้จริง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ช่างไทยส่วนใหญ่มองหา คือเครื่องมือที่สามารถ “ไว้ใจได้ ใช้แล้วจบ

สืบค้น “sar” + “โรงเรียน” ใน thaijo

สืบค้น เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 พบบทความวิจัย 25 เรื่อง ซึ่งสามารถสืบค้นได้จากฐานข้อมูล Thaijo ถ้าสนใจชื่อเรื่องใดแล้ว การค้นหาข้อมูลว่า 1) ผู้เขียนคือใคร 2) จากหน่วยงาน โรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยใด 3) ตีพิมพ์ในวารสารอะไร 4) ปีที่เท่าไร 5) อยู่กลุ่ม 1 หรือ 2 6) มีความเป็นมาอย่างไร 7) มีวัตถุประสงค์ชัดเจนหรือไม่ 8) มีประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือใคร 9) มีวิธีการอย่างไร 10) ผลดำเนินการเป็นอย่างไร 11) สรุปผลแล้วได้อะไร 12) มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือไม่ สรุปได้ว่า การหาคำตอบเกี่ยวกับบทความวิจัยใน thaijo ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

1. คุณภาพการศึกษาท้องถิ่น: การประยุกต์เกณฑ์การประเมินและความร่วมมือของชุมชน
2. คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนเทศบาล: กรณีศึกษาเทศบาลนคร สงขลา และเทศบาลนครหาดใหญ่
3. การพัฒนากลยุทธ์การบริหารแบบดุลยภาพ (BSC) สำหรับสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
4. รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระบบเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 สู่โรงเรียนมาตรฐานสากล
5. การสังเคราะห์ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบที่ 4 ภายใต้สถานการณ์ COVID-19: กรณีศึกษาโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์

6. แนวทางการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล 1 (พะเยาประชานุกูล) อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
7. การพัฒนารูปแบบการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อความยึดมั่นผูกพันกับองค์การของครูในโรงเรียนหางดงสังฆราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
8. ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการประกันคุณภาพโรงเรียนบ้านหนาด คุรุราษฎร์อุทิศ
9. การสอบสวนผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รายแรกของ จังหวัดนครศรีธรรมราช เดือนมีนาคม 2563 : การใช้แนวทางสหวิชาชีพ
10. การศึกษาบทบาทการนิเทศการสอนของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้และความคาดหวังของครูผู้ช่วยของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1

11. กลยุทธ์การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยใช้แนวคิด องค์กรแห่งการเรียนรู้ สังกัดโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
12. แนวทางพัฒนาการบริหารงานโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนคลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร
13. แนวทางการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ของโรงเรียนเทศบาล 5 (แก้วปัญญาอุปถัมภ์) อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
14. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาโดยใช้การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทั้งระบบของโรงเรียนบ้านไสยาสน์
15. แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารงบประมาณของโรงเรียนอนุบาลเมืองนครสวรรค์ (เขากบ วิวรณ์สุขวิทยา) จังหวัดนครสวรรค์

16. การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนปักธงชัยชุณหะวัณวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3
17. แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองพะเยา
18. ผลสัมฤทธิ์ของการนำนโยบายการจัดการศึกษาไปปฏิบัติ กรณีศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดพิษณุโลก
19. การพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามแนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โรงเรียนอนุบาลวังไทร
20. การพัฒนาแนวทางการบริหารงานวิชาการโดยยึดหลักธรรมาภิบาล สำหรับโรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา

21. กลยุทธ์การพัฒนาจิตสาธารณะของนักเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระดับประถมศึกษา
22. แนวทางการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารของโรงเรียนวัดห้วยน้ำเย็น ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
23. แนวทางการพัฒนาบทบาทผู้บริหารเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 2
24. การออกแบบการศึกษาในชีวิตวิถึใหม่ (Design- Based New Normal): ผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19
25. แนวทางการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี

แหล่งสืบค้น

ปัจจุบัน .. ผู้เรียนมีทางเลือกในการเลือกแหล่งสืบค้นมากมาย สำหรับภาษาอังกฤษ และฟรี เสนอให้ใช้ google scholar เป็นอีกแหล่งหนึ่งไว้ใช้งาน

เล่าเรื่องบทความของเพื่อน Ofisu Office Furniture โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์

ทุกคนย่อมมีเรื่องเล่า พบว่า เพื่อนที่ Ofisu Office Furniture โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ เขียนบทความให้อ่าน สะท้อนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อนผู้ดูแลบริษัท เค้าใช้งานระบบสร้างเว็บไซต์แบบ CMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ น่าชื่นชม ทำให้นึกถึงระบบต่าง ๆ ในสมัยที่ผมเคยทำงานก็มีงานเขียนหลายแง่หลายมุมเช่นกัน

วันนี้ .. เสนอเรื่อง “โต๊ะทำงานแบบไหน ที่เหมาะกับสายอาชีพคุณ” พบว่า มีเนื้อหาเยอะครับ แต่สรุปสั้น ๆ ได้ว่า โต๊ะที่ตอบโจทย์กับลักษณะงาน และสไตล์การทำงานของคุณ มีดังนี้

โต๊ะทำงาน: มีพื้นที่ที่มากกว่าที่วางคอมพิวเตอร์ เมื่อเปรียบเทียบรูปแบบโต๊ะทำงาน ตามสายอาชีพ มีดังนี้

1. โต๊ะทำงานสำหรับนักออกแบบ (Designer)
2. โต๊ะทำงานสำหรับนักบัญชี (Accountant)
3. โต๊ะทำงานสำหรับทีมขาย (Sales Team)
4. โต๊ะทำงานสำหรับงานแอดมิน (Administrative Officer)
5. โต๊ะทำงานสำหรับผู้บริหาร (Executive)

ปัจจัยในการเลือกโต๊ะทำงานที่ควรพิจารณา มีดังนี้

1. พื้นที่ใช้งานจริง
2. วัสดุของโต๊ะ
3. ฟังก์ชันเสริม

การเลือกโต๊ะที่เหมาะสมกับสายอาชีพ ไม่ใช่เพียงเรื่องความสวยงาม แต่เป็นการลงทุน เพื่อเพิ่มคุณภาพในการทำงาน ความสะดวก และสุขภาพในระยะยาว

#jirarat

https://www.facebook.com/share/r/15xnTk32Aq/

เปลี่ยนภาพถ่ายเป็นภาพวาด

การใช้ A.I. เพื่อเปลี่ยนภาพถ่ายเป็นภาพวาด มีประโยชน์ตามหลัก 2A3C ดังนี้
1. สร้างงานศิลปะส่วนตัว (Art) – สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายของคุณหรือคนที่คุณรักให้กลายเป็นงานศิลปะในสไตล์ต่าง ๆ เช่น ภาพวาดสีน้ำ, สีน้ำมัน, หรือแนวการ์ตูน
2. ใช้ในการศึกษาและฝึกศิลปะ (Academic) – ใช้เป็นตัวอย่างในการเรียนรู้เกี่ยวกับสไตล์ศิลปะต่าง ๆ หรือเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพ
3. ใช้งานเชิงพาณิชย์ (Commerce) – เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์, การทำของขวัญส่วนตัว, หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่น เสื้อยืด, แก้วน้ำ, หรือโปสเตอร์
4. สร้างคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย (Content) – ภาพวาดจากภาพถ่ายดึงดูดสายตามากกว่าภาพธรรมดา ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Instagram, Facebook, หรือ TikTok
5. สะดวกและประหยัดเวลา (Convenience) – ไม่ต้องมีทักษะการวาดภาพก็สามารถสร้างผลงานในสไตล์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
Prompt : from this image, transform image into manga-style

ตัวอย่างภาพจาก Ananta Jewelry

ละครสั้นจีน เร็ว แรง ซ้ำ และกล้า

จากการรับชมละครสั้นคุณธรรมจีนมาหลายร้อยเรื่อง แบบพากษ์เอไอ และแบบเต็มเรื่อง พบลักษณะเด่น ที่คล้ายกัน 4 ประการ คือ เร็ว แรง ซ้ำ กล้า

เร็ว – ละครแต่ละเรื่องแบ่งเป็นหลายตอน ความยาวรวมกันแต่ละเรื่องมากกว่า 10 ชั่วโมง ฉายผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่เมื่อถูกตัดต่อใหม่ แล้วแชร์ในสื่อสังคม เหลือเพียงไม่ถึง 10 นาที แต่มีผู้ชมรอดูกันล้นหลาม เป็นตัวโปรดของผู้ชมท่ามกลางเสียงบ่นด่าว่าทำไมไม่จบเรื่อง

แรง – เนื้อหาดราม่า กระแทกอารมณ์ตลอดเวลา การพูด การกระทำ ท่าทาง การแต่งตัว ล้วนแสดงออกอย่างรุนแรง กระตุ้นอารมณ์ของผู้ชม เช่น โกรธ ดีใจ เสียใจ รัก ดูถูก และแค้น ละครสั้นจะใช้ต้นทุนในการผลิตไม่สูง ไม่เน้นสถานที่ เน้นไปที่สีหน้า และคำพูดของนักแสดงที่มีผลต่ออารมณ์ของผู้ชม

ซ้ำ – บทประพันธ์มากมายที่ดีมาก ถูกนำมาสร้างละคร และทำซ้ำ เช่น ไซอิ๋ว เช่นเดียวกับละครสั้นจีน ที่อาจปรับมาจากนิยายที่ได้รับความนิยม หลายเรื่องมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน แต่เปลี่ยนตัวละคร บทบาท หรือบทสรุปที่อาจต่างกันไป แม้จะมีเนื้อหาซ้ำ แต่ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างดี เพราะเน้นไปที่อารมณ์ มากกว่าเนื้อเรื่อง ที่พบบ่อยที่สุด คือ ภรรยาท่านประธานถูกภรรยาตัวปลอมรังแกในบริษัทของท่านประธาน

กล้า – ละครสั้นจีน สะท้อนวัฒนธรรมจีน ที่วัฒนธรรมอื่นอาจมีมุมมองที่ต่างกัน เช่น นัดบอด แม่สื่อ สัญญาแต่งงงาน ความสำคัญของลูกชาย การแก้พิษของหนุ่มสาว  แพทย์แผนจีน คุณค่าของหยก และลิขสิทธิ์ ซึ่งความกล้าเหล่านี้คงหาชมได้ยากจากภาพยนตร์ของชาติอื่น

https://www.thaiall.com/dramaseries/

รายงานตำแหน่งไฟป่า ที่ลำปาง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ NASA พบรายงานแผนที่ตำแหน่งไฟป่าในจังหวัดลำปาง พบหลายจุดในช่วงนี้ มีเพื่อน ๆ เข้าไปดับไฟกันอย่างต่อเนื่อง และมีประกาศห้ามเผาชัดเจน นอกจากนี้ยังถามเอไอได้ว่า สถานการณ์ไฟป่า จังหวัดลำปาง เป็นอย่างไร

คำตอบ คือ ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 จังหวัดลำปางยังคงเผชิญกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุว่าลำปางมีจุดความร้อนสะสมเป็นอันดับที่ 4 ในภาคเหนือ และอันดับที่ 14 ของประเทศ โดยพบจุดความร้อนมากที่สุดในอำเภองาว

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเข้าดับไฟป่าในพื้นที่ต่างๆ เช่น ป่าห้วยม่วง ตำบลบ้านหวด อำเภองาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเกิดไฟป่าบ่อยครั้ง

https://firms.modaps.eosdis.nasa.gov/map/#d:24hrs;l:fires_all,country-outline,firefly;@99.53,18.39,9.77z

นอกจากนี้ จังหวัดลำปางยังได้จัดประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการป้องกันและลดการเกิดมลพิษจากไฟป่า

https://lampang.prd.go.th/th/content/category/detail/id/13/iid/258996

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังคงต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด และการร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่

แนวทางการใช้ social marketing ของนักการเมืองในปัจจุบัน

แนวทางการใช้ Social Marketing ของนักการเมืองในปัจจุบัน

แนวทางการใช้ Social Marketing ของนักการเมืองในปัจจุบันมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของประชาชนที่ใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้

1. การสร้างตัวตนและภาพลักษณ์ (Personal Branding)

  • ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, X (Twitter), Instagram, TikTok, YouTube เพื่อสร้างตัวตนและเชื่อมโยงกับประชาชน
  • นำเสนอเรื่องราวส่วนตัว (Storytelling) เพื่อให้เข้าถึงง่ายและดูจริงใจ เช่น การโพสต์ชีวิตประจำวัน หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่นำเสนอ
  • สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น สไตล์การพูด, การแต่งตัว, แฮชแท็กเฉพาะตัว

2. การใช้ข้อมูลและอารมณ์ในการสื่อสาร (Data-Driven & Emotional Marketing)

  • ใช้ Big Data และ AI วิเคราะห์พฤติกรรมของประชาชน เพื่อตั้งเป้าหมายกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
  • ใช้การเล่าเรื่องที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น ความหวัง, ความกลัว, ความโกรธ หรือความสุข เพื่อสร้างกระแส
  • ปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น TikTok ใช้วิดีโอสั้นที่ไวรัลได้ง่าย, YouTube ใช้สารคดีหรือวิดีโอเชิงลึก

3. การสร้างกระแสและการมีส่วนร่วมของประชาชน

  • ใช้ Hashtag Campaigns เพื่อกระตุ้นการพูดถึง เช่น #ChangeForTheFuture หรือ #VoteForChange
  • ทำ Live Streaming เพื่อตอบคำถามและสร้างการมีส่วนร่วมแบบเรียลไทม์
  • ใช้ User-Generated Content (UGC) เช่น ให้ผู้สนับสนุนแชร์เรื่องราวของตนเองเกี่ยวกับนโยบาย

4. การใช้ Influencers และ Micro-Influencers

  • ร่วมมือกับ Influencers, YouTubers หรือ TikTokers ที่มีอิทธิพลในกลุ่มเป้าหมาย
  • ใช้ Micro-Influencers หรือประชาชนทั่วไปที่มีฐานแฟนคลับขนาดเล็กเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

5. การจัดการวิกฤติและการตอบโต้ข่าวปลอม

  • มี ทีม Crisis Management เพื่อตรวจสอบและตอบโต้ Fake News อย่างรวดเร็ว
  • ใช้ Fact-Checking และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องผ่าน Social Media

6. การใช้ Social Ads และ AI ในการกำหนดเป้าหมาย

  • ลงโฆษณาแบบ Targeted Ads บน Facebook, Instagram, TikTok และ Google เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
  • ใช้ AI และ Chatbots ในการตอบคำถามและสร้างการมีส่วนร่วมแบบอัตโนมัติ

7. การทำแคมเปญแบบ Omnichannel Marketing

  • บูรณาการระหว่างโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และสื่อดั้งเดิม เช่น โทรทัศน์และวิทยุ
  • ใช้ Email Marketing และ SMS เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิด

สรุป


นักการเมืองยุคใหม่ต้องใช้ Social Marketing อย่างชาญฉลาด โดยเน้นการเล่าเรื่องที่เข้าถึงง่าย ใช้ข้อมูลวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย สร้างกระแสผ่าน Influencers และบริหารวิกฤติอย่างมืออาชีพ การสื่อสารต้องมีความเป็นมนุษย์ (Humanized Communication) และมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชนตลอดเวลา

ของที่ระลึก สะท้อนตัวตน
ของที่ระลึก สะท้อนตัวตน
ของที่ระลึก สะท้อนตัวตน

ภาพประกอบ : โรงงานของพรีเมี่ยม

Premium-perfect.com

เสื้อผ้าระบุโลโก้ชัดเจน

การอ่านข้อมูลแบบ .csv จากนอกเครื่องบริการ

ตัวอย่าง โค้ดสำหรับอ่านชุดข้อมูล ที่แหล่งข้อมูลต้นทาง เปิดให้ดาวน์โหลดแฟ้มแบบ .csv ในกรณีนี้ต้องการนำไปแสดงบนเว็บเพจ เป็น ข้อมูลทรัพยากร : สมาคมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด – ลำปาง  จากศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ  โดยอ้างอิงที่อยู่ชุดข้อมูลแบบออนไลน์ ที่ได้ดาวน์โหลดจากเครื่องบริการของรัฐ ไปวางบนเครื่องบริการตัวที่สองแล้วเขียนโค้ดบนเครื่องบริการตัวที่สาม แบบนี้ไม่ต้องใช้ api-key

เขียนโค้ดด้วยภาษาพีเอชพี และใช้ฟังก์ชัน curl โหลดข้อมูลผ่านตำแหน่งยูอาร์แอลของเครื่องบริการตัวที่สองที่เก็บข้อมูลออกไปใช้ ได้ข้อมูลแบบ csv แล้วนำไปวางลงตัวแปร บนจาวาสคริปต์ ในรูปแบบ csv ที่จัดรูปแบบเพียงเล็กน้อย เพื่ออ่านหลังการ split แยกแต่ละ field และ record วนลูปด้วย foreach แล้วใช้คำสั่ง document.write แสดงข้อมูลแบบอาร์เรย์ลงตารางแบบเอชทีเอ็มแอล

Data.go.th

https://thaiall.com/perlphpasp/source.pl?key=8102

ทักษะการอ่านถดถอย ของเด็กสหรัฐ

พบว่า ปัจจุบัน เด็กนักเรียนที่สหรัฐอเมริกา มีทักษะการอ่านถดถอยลง เป็นข้อมูลข่าวที่ค้นหาได้ด้วย “Reading skill 2024 in NAEP The New York Times” ซึ่งพบการรายงานใน 3 ภาษา คือ ภาษาจีน ใน xinhua ภาษาไทย ใน สำรวจโลก และ ภาษาอังกฤษใน เดอะนิวยอร์กไทมส์

National Assessment of Educational Progress คือ เป็นการทดสอบระดับชาติของสหรัฐอเมริกา ที่ใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์, การอ่าน, วิทยาศาสตร์, และประวัติศาสตร์

ในรายละเอียด พบว่า เด็ก ม.2 มีทักษะการอ่าน #ต่ำกว่าเกณฑ์ จากการประเมินของ เอ็นเออีพี และสูงสุดในรอบ 30 ปี ที่มีถึงร้อยละ 33 ส่วนเด็ก ป.4 ที่มีทักษะการอ่าน ต่ำกว่าเกณฑ์ สูงสุดในรอบ 20 ปี มีถึงร้อยละ 40

https://www.thaiall.com/readbookt/

สรุปได้ว่า การอ่าน  เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงเนื้อหาใหม่ ๆ ทั้งต่อ คนจีน คนไทย และ คนอเมริกา และการเสนอข่าวสารข้อมูล ให้ผู้คนสืบค้นจนพบถือเป็น การทำตลาดดิจิทัล Digital marketing ทำการตลาดออนไลน์ ที่ผู้นำเสนอข้อมูล หรือ ผู้ดูแลระบบ ต้องให้ความสำคัญ และหวังผลว่าข่าวสารของเราจะไปถึงเขา ผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา รวมถึงเอไอที่ควรสืบค้นนำไปใช้ได้เช่นกัน สรุปว่า ผู้รักการอ่านสามารถสืบค้นได้ด้วยตนเองว่าเด็กเขามีทักษะการอ่านเป็นอย่างไร

https://www.nytimes.com/2025/01/29/us/reading-skills-naep.html
..
https://www.facebook.com/share/p/1BNRHxQFdM/

https://www.thansettakij.com/real-estate/617840

ตลาดแบบถนนคนเดิน คืออะไร

ตลาดแบบถนนคนเดิน (Walking Street Market) คือ ตลาดที่ตั้งอยู่บนถนนหรือทางเดินที่ถูกปิดไม่ให้รถสัญจรชั่วคราว เพื่อให้ผู้คนสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้สะดวก ส่วนใหญ่จะจัดในช่วงเย็นถึงกลางคืน และมักเป็นที่นิยมในแหล่งท่องเที่ยวหรือชุมชนเมือง 

ลักษณะเด่นของตลาดถนนคนเดิน
1. ขายสินค้าหลากหลาย – มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ของที่ระลึก งานฝีมือ และสินค้าแฮนด์เมด 
2. เปิดเฉพาะช่วงเวลา – มักจัดเป็นประจำทุกสัปดาห์ เช่น ศุกร์ เสาร์ หรืออาทิตย์ 
3. ไม่มีรถสัญจร – ทำให้เดินซื้อของได้สะดวกและปลอดภัย 
4. บรรยากาศคึกคัก – มีนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นจำนวนมาก อาจมีการแสดงดนตรี ศิลปะ หรือกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ 
5. ราคาเข้าถึงได้ – สินค้าส่วนใหญ่มักมีราคาย่อมเยา และสามารถต่อรองได้ 

ตัวอย่างตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงในไทย ได้แก่ ถนนคนเดินเชียงใหม่, ถนนคนเดินพัทยา (Walking Street Pattaya), ถนนคนเดินวัวลาย เชียงใหม่, และตลาดนัดจตุจักรกลางคืน
[.CP.]

https://thaiall.com/walkingstreet/

ตลาดแบบถนนคนเดิน หรือ ถนนคนเดิน (Walking Street) เป็นพื้นที่ที่จัดให้มีการขายสินค้าและทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยมักจะปิดการจราจรชั่วคราวเพื่อให้คนเดินเท้าสามารถเข้าถึงได้สะดวก

ลักษณะของตลาดถนนคนเดิน:
– สถานที่: มักตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยว เช่น ถนนข้าวสารในกรุงเทพฯ หรือถนนคนเดินเชียงใหม่
– สินค้าที่ขาย: มีทั้งอาหาร, เสื้อผ้า, ของใช้มือสอง และสินค้าท้องถิ่น
– กิจกรรม: มักมีการแสดงศิลปะ ดนตรี และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้มาเยือน

ประโยชน์:
– ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ขาย
– เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมและการแสดงออกของชุมชน

ตลาดแบบถนนคนเดินเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่นิยมสำหรับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว
[.PP.]

ถนนคนเดิน หรือ ตลาดถนนคนเดิน หมายถึง ตลาดที่จัดขึ้นบนถนน โดยจะปิดถนนไม่ให้รถสัญจรไปมาในช่วงเวลาที่ตลาดเปิด เพื่อให้คนสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าและอาหารได้อย่างอิสระ ตลาดถนนคนเดินมักจะจัดขึ้นในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ย่านชุมชน แหล่งท่องเที่ยว หรือใจกลางเมือง

ลักษณะของตลาดถนนคนเดิน

* บรรยากาศ: ตลาดถนนคนเดินมักจะมีบรรยากาศที่คึกคักและมีชีวิตชีวา มีผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของและรับประทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน
* สินค้า: สินค้าที่ขายในตลาดถนนคนเดินมีความหลากหลาย ตั้งแต่สินค้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรม สินค้าแฟชั่น ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม
* อาหาร: ตลาดถนนคนเดินเป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยหลากหลาย ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และอาหารทานเล่น
* กิจกรรม: นอกจากซื้อของและทานอาหารแล้ว ตลาดถนนคนเดินบางแห่งยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำ เช่น การแสดงดนตรี การแสดงศิลปะ หรือการละเล่นพื้นเมือง

ตัวอย่างตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
* ถนนคนเดินท่าแพ (เชียงใหม่): เป็นตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีสินค้าหลากหลาย ทั้งสินค้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรม และอาหาร
* ถนนคนเดินวัวลาย (เชียงใหม่): เป็นตลาดถนนคนเดินที่เน้นสินค้าหัตถกรรมและเครื่องเงิน
* ถนนข้าวสาร (กรุงเทพฯ): เป็นตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีสินค้าหลากหลาย ทั้งสินค้าที่ระลึก สินค้าแฟชั่น และอาหาร
* ตลาดนัดจตุจักร (กรุงเทพฯ): เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงและต้นไม้

ตลาดถนนคนเดินเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศการค้าขายแบบดั้งเดิม เลือกซื้อสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และลิ้มลองอาหารอร่อยหลากหลาย

[.GM.]

ตลาดแบบถนนคนเดิน (Market Street) คือ ตลาดที่จัดขึ้นบนถนนโดยเฉพาะ โดยที่ผู้ขายหรือคนค้าจะวางขายสินค้าและบริการบนถนนหรือในพื้นที่ที่กำหนด มักจะมีจำนวนผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากและมักจะมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ

ตลาดแบบถนนคนเดินมักจะจัดขึ้นในสถานที่ที่มีลักษณะพิเศษ เช่น ในเมืองเก่าหรือในพื้นที่ที่มีชีวิตชีวา ทำให้ตลาดนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

สินค้าขายในตลาดแบบถนนคนเดินสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท เช่น

– สินค้าโบราณหรือสินค้าที่มีความพิเศษ
– อาหารและเครื่องดื่ม
– ของใช้ส่วนตัว
– สินค้าเพื่อความงาม
– และอื่นๆ

ตลาดแบบถนนคนเดินไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม มักจะมีลักษณะเด่นๆ ที่ทำให้ต่างจากตลาดทั่วไป ได้แก่

– พื้นที่ขายที่กว้างขวาง
– จำนวนผู้ขายและผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก
– มีการแสดงหรือพิธีกรรมที่น่าสนใจ
– มีการขายอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย
– และอื่นๆ
[.DP.]

ตลาดแบบถนนคนเดิน หรือที่เรียกว่า Walking Street เป็นตลาดที่จัดขึ้นในพื้นที่ถนนที่ปิดให้รถยนต์เข้า-ออก เพื่อให้ผู้คนสามารถเดินชมและเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยทั่วไปแล้ว ตลาดเหล่านี้มักจะมีการจัดตั้งในช่วงเย็นหรือกลางคืน และมีบรรยากาศที่คึกคัก มีการขายอาหาร ขนม ของที่ระลึก และสินค้าท้องถิ่นต่างๆ

ตลาดแบบถนนคนเดินมีความนิยมในหลายเมืองทั่วประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ซึ่งแต่ละแห่งจะมีเอกลักษณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ ตลาดเหล่านี้ยังเป็นสถานที่ที่ดีในการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและพบปะกับผู้คน
[.YOU.]

ตลาดถนนคนเดินเป็นรูปแบบตลาดที่จัดขึ้นในพื้นที่ถนนที่ปิดการจราจร โดยให้คนเดินเท้าสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกสบาย ลักษณะเด่นของตลาดถนนคนเดิน มีดังนี้:
1. มักจัดในช่วงเย็นถึงกลางคืน โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุด
2. มีการจำหน่ายสินค้าหลากหลาย เช่น:
– อาหารพื้นเมือง
– ของที่ระลึก
– งานหัตถกรรม
– เสื้อผ้าและเครื่องประดับ
– สินค้าพื้นเมืองต่างๆ
3. มักมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น ดนตรี การแสดง หรือการสาธิตงานฝีมือ
4. เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว
5. ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
ตัวอย่างตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เช่น ถนนคนเดินเชียงใหม่ ถนนคนเดินขอนแก่น และถนนคนเดินหัวหิน
[.CL.]

ตลาดแบบถนนคนเดิน (Walking Street Market) คือ ตลาดเปิดโล่งที่จัดขึ้นบนถนนหรือพื้นที่สาธารณะที่ปิดการจราจรชั่วคราว เพื่อให้ผู้คนสามารถเดินเที่ยวชมและซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย โดยมักจะจัดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น วันเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงเย็นถึงค่ำ

ลักษณะสำคัญของตลาดถนนคนเดิน:
1. พื้นที่ปิดการจราจร: ถนนถูกปิดไม่ให้รถผ่าน ช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้คนเดินเที่ยว
2. ร้านค้าและแผงลอย: มีร้านค้าแบบชั่วคราวหรือแผงลอยขายสินค้าหลากหลาย เช่น อาหารท้องถิ่น เสื้อผ้า งานหัตถกรรม ของที่ระลึก
3. บรรยากาศคึกคัก: มักมีดนตรีสด การแสดงวัฒนธรรม หรือกิจกรรมสันทนาการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
4. ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน: เป็นช่องทางให้ผู้ผลิตเล็กๆ หรือชุมชนนำสินค้ามาขายโดยตรง
5. เป็นจุดท่องเที่ยว: ดึงดูดทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

ตัวอย่างตลาดถนนคนเดินที่มีชื่อเสียง:
– ไทย: ถนนคนเดินเชียงใหม่ (Walking Street Chiang Mai), ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ (กรุงเทพฯ)
– ต่างประเทศ: ตลาดนัดถนนคนเดินที่ไทเป (ไต้หวัน), ตลาดสปานาเซียร์ (ฮ่องกง)
ตลาดแบบนี้ไม่เพียงสร้างสีสันให้เมือง แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและอนุรักษ์วัฒนธรรมได้
[.DS.]

ตลาดแบบถนนคนเดิน (Walking Street Market) คือ ตลาดที่จัดขึ้นบนถนนหรือพื้นที่สาธารณะ โดยมีร้านค้าและผู้ขายสินค้าหลากหลายประเภท เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก เสื้อผ้า และอื่นๆ
ตลาดแบบถนนคนเดินมักจะมีลักษณะดังต่อไปนี้:
1. จัดขึ้นบนถนนหรือพื้นที่สาธารณะ
2. มีร้านค้าและผู้ขายสินค้าหลากหลายประเภท
3. มีการขายอาหารและเครื่องดื่ม
4. มีการขายของที่ระลึกและ souvenir
5. มีการแสดงศิลปะและวัฒนธรรม
6. มีการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ
ตลาดแบบถนนคนเดินมักจะจัดขึ้นในเวลากลางคืนหรือวันหยุด และมักจะมีการควบคุมการจราจรและความปลอดภัยในพื้นที่
ตัวอย่างของตลาดแบบถนนคนเดินในประเทศไทย ได้แก่:
1. ตลาดน้ำดำเนิน (Damnoen Saduak Floating Market)
2. ตลาดน้ำท่าพระจันทร์ (Tha Phra Chan Floating Market)
3. ตลาดถนนคนเดินสุขุมวิท (Sukhumvit Walking Street Market)
4. ตลาดถนนคนเดินข้าวสาร (Khao San Walking Street Market)
[.MT.]